สอนลูกเรื่องแรงแม่เหล็ก
(Teaching
Children about Magnetic Force)
การสอนเรื่องแรงแม่เหล็กมีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร?
การสอนเรื่องแรงแม่เหล็กมีประโยชน์ต่อเด็กดังนี้คือ
เด็กจะมีความรู้เกี่ยวกับแรงแม่เหล็กที่เป็นเรื่องธรรมชาติ
ความรู้ที่เด็กได้รับผ่านกิจกรรมทดลองง่ายๆหรือเกิดจากการเล่น
ที่ส่งเสริมให้เด็กเกิดทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ คือทักษะการสังเกต
ทักษะการจำแนก ทักษะการวัด ทักษะการสื่อความหมาย
และทักษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล
ทักษะดังกล่าวเป็นทักษะสำคัญที่เด็กจะใช้แสวงหาความรู้ตามกระบวนการวิทยาศาสตร์
คือรู้จักคิดและตั้งคำถาม เพื่อนำไปสู่การหาทางทดลองเพื่อเป็นคำตอบ
เป็นการส่งเสริมการคิดเชิงวิทยาศาสตร์ให้แก่เด็ก ซึ่งตามทฤษฎีการพัฒนาการทางสติปัญญาของนักการ
ศึกษาที่มีชื่อเสียงคือ เพียเจต์ (Piaget) ได้ศึกษาการพัฒนาการทางสติปัญญาและการเรียนรู้ของเด็ก
กล่าวว่า เด็กจะมีการพัฒนาการตามอายุ และที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย มี 2 ขั้นแรก คือ
·
ช่วงอายุ 0-2 ปี
เด็กจะพัฒนาการการเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ หู
ตา ปาก จมูก ลิ้น และ ผิวสัมผัส (การจับต้อง)
·
อีกช่วงอายุ คือ 2-7
ปี เด็กจะใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ทางพฤติกรรมที่สมองสั่งการให้ร่างกายทำปฏิกิริยาตอบโต้ต่อสิ่งที่พบเห็นด้วยวิธีการต่างๆ
ได้แก่ การลองผิดลองถูก ใช้ภาษา (เด็กเริ่มใช้ภาษาได้ดีขึ้น มีคำศัพท์มากขึ้น
เรียกชื่อสิ่งต่างๆได้มากขึ้น) มีการพัฒนาความคิด ความจำมากขึ้น
รู้จักแยกแยะความเหมือนและความแตกต่าง)
จึงเป็นข้อสังเกตได้ว่าเด็กสามารถเรียนรู้และมีประสบการณ์ตรงจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว
จนสามารถเกิดทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ที่กล่าวมา
และผลจากการที่เด็กได้สัมผัสและกระทำ จะทำให้ความคิดเชิงวิทยาศาสตร์ของเด็กพัฒนา
ดังนั้น การเรียนเรื่องแรงแม่เหล็ก เด็กจะได้ใช้ประสาทสัมผัสกระทำผ่านกิจกรรมต่างๆ
จะเกิดประโยชน์ให้เด็กมีพัฒนาการตามวัย
ครูสอนเรื่องแรงแม่เหล็กให้ลูกที่โรงเรียนอย่างไร?
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องแม่เหล็ก
มีเรื่องที่น่าสนใจจากคำถามที่ชวนให้เด็กได้สืบค้นหาคำตอบด้วยกระ
บวนการทางวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้างความรู้ที่เด็กควรรู้
และเสริมสร้างทักษะพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ให้แก่เด็กปฐมวัย
ครูอาจจะเป็นผู้ถามหรือสร้างสถานการณ์ให้เด็กถาม เพื่อนำไปสู่การจัดกิจกรรม เช่น
·
แม่เหล็กดูดอะไรบ้าง : แม่เหล็กดึงดูดของเป็นบางอย่าง
·
แม่เหล็กชนิดไหนมีแรงดึงดูดมากที่สุด และชนิดไหนอ่อนที่สุด :
แม่เหล็กแต่ละชิ้นมีแรงดึงดูดต่างกัน
·
เราทำแม่เหล็กได้อย่างไร :
แม่เหล็กชิ้นหนึ่งอาจใช้สร้างแม่เหล็กอีกชิ้นหนึ่งได้
·
ส่วนใดของแม่เหล็กที่มีแรงดึงดูดมากที่สุด :
แม่เหล็กมีแรงดึงดูดมากที่สุดที่ขั้วทั้งสอง
·
ปลายทั้งสองข้างของแม่เหล็กทำอย่างไร :
ปลายแต่ละข้างของแม่เหล็กจะมีการกระทำต่างกัน ฯลฯ
ครูปฐมวัยจะจัดกิจกรรมการเรียนรู้
เรื่องแรงแม่เหล็กผ่านกิจกรรมหลักทั้งหก ตามหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2546 โดยกำหนดเป็นหน่วยการเรียนรู้เรื่องแรงแม่เหล็ก
ที่พิจารณารายละเอียดของเรื่องให้เหมาะสมกับเด็กตามวัย ดังตัว อย่างต่อไปนี้
·
กิจกรรมเสริมประสบการณ์
ครูให้เด็กทดลองและนำเสนอผลการทดลองแรงดูดและแรงผลักของแม่เหล็กผ่านการเล่นและงานประดิษฐ์
เพื่อให้เด็กได้ใช้ความคิดเชิงสร้างสรรค์ และนำของประดิษฐ์ไปเล่น เช่น
ครูทำเรือจากก้อนโฟมจำ นวน 6 ลำ สามลำแรกไม่ติดลวดหนีบกระดาษ
ส่วนอีกสามลำหลังนำลวดหนีบกระดาษมัดติดกับเรือ แต่ละลำมัดด้วยหนังยาง
(อาจใช้สีระบายเรือให้แตกต่างกัน) นำไปใส่ในถาดก้นตื้น เติมน้ำในถาด
นำถาดวางบนแท่งไม้ 2 แท่งที่จัดวางระยะห่าง พอเหมาะกับขอบถาด
สองด้าน ให้เด็กใช้แท่งแม่เหล็กชูใต้ถาด แล้วสังเกตการเคลื่อนที่ของเรือ
กิจกรรมนี้สามารถตอบคำ ถามที่น่าสนใจว่า แม่เหล็กดูดอะไรได้บ้าง
·
กิจกรรมเสรี ครูจัดแม่เหล็ก เข็มทิศ ไว้เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์หรือเครื่องมือวิทยาศาสตร์ให้เด็กได้ทดลองใช้
ที่มุมวิทยาศาสตร์
·
กิจกรรมสร้างสรรค์
ให้เด็กใช้งานประดิษฐ์และสร้างสรรค์ตามหน่วยการสอนนั้น
ไปประกอบกับแม่เหล็กเป็นของเล่น เช่น หน่วยปลา ประดิษฐ์ปลาประกอบด้วยแม่เหล็ก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น